ชิงเต่า, จีน, 13 มิถุนายน 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- ไฮเออร์ (Haier) แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับหนึ่ง สร้างความโดดเด่นอีกครั้งในฐานะแบรนด์ระบบนิเวศ Internet of Things (IoT) เพียงแบรนด์เดียวที่ติดอันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก Kantar BrandZ Most Valuable Global Brands ประจำปี 2567 โดยถือเป็นปีที่ 6 ติดต่อกันแล้วที่ไฮเออร์ได้รับตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งความสำเร็จนี้ตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกและนวัตกรรมของไฮเออร์ในการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับโซลูชันที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง

ผลการจัดอันดับของ Kantar ตอกย้ำให้เห็นถึงเทรนด์ในการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับการสร้างแบรนด์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมถึงการเร่งสร้างแบรนด์ให้มีความเป็นสากล ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการประเมินความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ มูลค่ารวมของแบรนด์ 100 อันดับแรกที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 8.3 ล้านล้านดอลลาร์ เกือบแตะสถิติสูงสุดที่บันทึกไว้ในปี 2565 และนับตั้งแต่มีการจัดอันดับครั้งแรกในปี 2549 มูลค่ารวมของแบรนด์ชั้นนำระดับโลกก็เติบโตอย่างน่าประทับใจถึง 474% ขณะที่เกณฑ์ขั้นต่ำของแบรนด์ที่ติดอันดับเพิ่มขึ้นจาก 4 พันล้านดอลลาร์ เป็น 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือพุ่งขึ้นถึง 354%

การเติบโตที่ยั่งยืนและนวัตกรรมช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จของไฮเออร์

การที่ไฮเออร์ไต่อันดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่ติดโผครั้งแรกในอันดับ 89 เมื่อปี 2562 สู่อันดับ 58 ในปีนี้ เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่ามูลค่าแบรนด์เติบโตอย่างมากอันเป็นผลมาจากการบุกเบิกระบบนิเวศ IoT โดยในปีงบการเงิน 2566 ไฮเออร์รายงานผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยรายได้ทั่วโลกสูงถึง 3.718 แสนล้านหยวน (5.23 หมื่นล้านดอลลาร์) และกำไรรวม 2.67 หมื่นล้านหยวน (3.76 พันล้านดอลลาร์) โดยคุณ Zhou Yunjie ประธานและซีอีโอของไฮเออร์ กรุ๊ป ได้ยกความดีความชอบให้กับกลยุทธ์แบรนด์ระบบนิเวศ (Ecosystem Brand Strategy) ที่ช่วยสร้างเสถียรภาพ ขับเคลื่อน และเร่งให้เกิดการพัฒนาองค์กรอย่างมีคุณภาพสูง

"ไฮเออร์ถือกำเนิดขึ้นและอยู่ในแนวหน้าของกระบวนทัศน์ใหม่ล่าสุดของระบบนิเวศ โดยอุทิศตนเพื่อบุกเบิกสิ่งใหม่ ๆ จากเทคโนโลยีดั้งเดิม การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อกระตุ้นนวัตกรรมทางอุตสาหกรรมได้ช่วยกำหนดทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมทั่วโลก" คุณ Doreen Wang ซีอีโอของ Kantar China และหัวหน้าระดับโลกของ BrandZ กล่าว "ไฮเออร์เป็นเจ้าแรกที่นำเสนอเครื่องกลโต้ตอบอัจฉริยะในอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดในการยกระดับคุณภาพชีวิตร่วมกับผู้ใช้ รวมถึงในการพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกับพันธมิตรในระบบนิเวศ ซึ่งนำไปสู่การยกระดับมูลค่าแบรนด์และอันดับที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง"

การให้ความสำคัญกับเสาหลักสองประการเพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงในอุตสาหกรรม

ไฮเออร์เป็นผู้นำด้านการสร้างแบรนด์ระบบนิเวศในระดับโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างฐานลูกค้าตลอดชีวิตด้วยการโต้ตอบและปรับปรุงประสบการณ์ร่วมกับผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง

•  คาซาร์เต้ (Casarte) แบรนด์ระดับพรีเมียมของไฮเออร์ คือตัวอย่างของการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดผ่านการนำเสนอนวัตกรรมระดับไฮเอนด์ ด้วยการเติบโต 13 เท่า ภายในระยะเวลา 7 ปี โดยทำผลงานได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมในหลายระดับราคาและในส่วนของการเติบโตของส่วนแบ่งตลาด

•  ไฮเออร์ กรุ๊ป สร้างแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรม COSMOPlat ซึ่งสะท้อนแนวคิด "องค์กรขนาดใหญ่ร่วมสร้าง องค์กรขนาดเล็กร่วมแบ่งปัน" โดยบริษัทได้พัฒนาระบบนิเวศใน 15 สาขา เช่น เคมีภัณฑ์ การผลิตแม่พิมพ์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ ปัจจุบันได้มีส่วนร่วมกับบริษัทมากกว่า 900,000 แห่ง และช่วยเหลือธุรกิจมากกว่า 160,000 แห่ง ตลอดจนกำหนดแนวทางเสริมสร้างศักยภาพทางดิจิทัลแบบองค์รวม ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจ นิคมอุตสาหกรรม ภาคส่วนต่าง ๆ ไปจนถึงเขตเมือง

•  ในแวดวงสุขภาพที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์และความฉลาดทางดิจิทัลนั้น ไฮเออร์ให้ความสำคัญกับชีววิทยาศาสตร์ เวชศาสตร์คลินิก และเทคโนโลยีชีวภาพ โดยนำเสนอโซลูชันที่ล้ำสมัยในภาคส่วนเหล่านี้ พร้อมทั้งร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศมากกว่า 60 แห่งเพื่อให้บริการแก่นานาประเทศ ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบนิเวศสาธารณสุขระหว่างประเทศให้ดีขึ้น

การครองตำแหน่งแบรนด์ระบบนิเวศ IoT เพียงแบรนด์เดียวที่ติดอันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก Kantar BrandZ Most Valuable Global Brands ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกัน ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความสามารถของไฮเออร์ในการเป็นผู้นำกระบวนทัศน์ด้านแบรนด์ระบบนิเวศเท่านั้น แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดการเดินทางอันยาวนาน 40 ปี นับตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นมา

เกี่ยวกับไฮเออร์ กรุ๊ป

ไฮเออร์ กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2527 โดยเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและเพื่อตอบโจทย์ชีวิตอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด "More Creation, More Possibilities" โดยเราให้ความสำคัญกับผู้ใช้เป็นศูนย์กลางเสมอ ยึดมั่นในเทคโนโลยีดั้งเดิม และสร้างภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่ประกอบด้วยเสาหลักสองประการ ได้แก่ Smart Living และ Industrial Internet นอกจากนี้ เราได้สร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา 10 แห่ง และศูนย์การผลิต 143 แห่งทั่วโลก เราเป็นแบรนด์ระบบนิเวศ IoT แบรนด์เดียวในโลกที่ติด 100 อันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกโดย Kantar BrandZ เป็นเวลา 6 ปีติดต่อกัน และเรายังครองตำแหน่งแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลกโดย Euromonitor เป็นเวลา 15 ปีติดต่อกัน