ลอนดอน, 19 พฤศจิกายน 2567 /PRNewswire/ -- ในการประชุม COP29 ที่เมืองบากู เหล่าผู้นำระดับโลกได้มารวมตัวกันเพื่อหาทางออกสำหรับการระดมเงินทุนจำนวน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปีเพื่อการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ นำไปสู่แนวคิดการย้ายถิ่นฐานเพื่อการลงทุนในฐานะทางเลือกใหม่สำหรับการระดมทุนในประเทศกลุ่มเปราะบางด้านสภาพภูมิอากาศ แนวทางนี้จะเป็นหัวข้อสำคัญในการประชุม Global Citizenship Conference ครั้งที่ 18 ที่จะจัดขึ้นที่สิงคโปร์ในสัปดาห์หน้า ที่ซึ่งผู้นำรัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญด้านการย้ายถิ่นฐานเพื่อการลงทุนจะหารือเกี่ยวกับวิธีที่โครงการมอบสัญชาติหรือสิทธิ์ในการอยู่อาศัยผ่านการลงทุนจะเป็นแหล่งเงินทุนเร่งด่วนและปราศจากภาระหนี้สำหรับการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศในกลุ่มประเทศเกาะขนาดเล็กที่กำลังพัฒนา (Small Island Developing States: SIDS)
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกอย่างนาอูรูได้เปิดตัวโครงการมอบสัญชาติเพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและภูมิอากาศของนาอูรู (Nauru Economic and Climate Resilience Citizenship Program) ซึ่งถือเป็นโครงการมอบสัญชาติแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สะท้อนถึงรูปแบบการจัดหาเงินทุนใหม่ที่ผสานการพัฒนาเศรษฐกิจเข้ากับการแก้ไขปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศ โดยแสดงถึงแนวโน้มใหม่ที่ประเทศต่าง ๆ เริ่มหันมาใช้เงินทุนจากภาคเอกชนสำหรับโครงการปรับตัวด้านสภาพภูมิอากาศที่มีความเร่งด่วน โดยการเสนอสิทธิ์อยู่อาศัยหรือสัญชาติเป็นการตอบแทน
ในการกล่าวหลังเปิดตัวโครงการในที่ประชุม COP29 ในเมืองบากู ฯพณฯ David Adeang ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐนาอูรู ได้เน้นย้ำถึงศักยภาพของการย้ายถิ่นฐานเพื่อการลงทุนว่า "โครงการนี้มอบกลไกที่ทรงพลังให้แก่ประเทศขนาดเล็กและเปราะบางอย่างเราในการบรรเทาความเสี่ยงด้านความยั่งยืนและเสริมสร้างความพร้อมรับมือด้านสภาพภูมิอากาศ โครงการมอบสัญชาติของเราได้สร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่องนี้ โดยเชื่อมต่อการลงทุนเข้ากับโครงการที่จะช่วยปกป้องอนาคตของชาติโดยตรง และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พื้นที่ความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญของโลก"
ด้าน Henley & Partners บริษัทที่ปรึกษาด้านการย้ายถิ่นฐานเพื่อการลงทุนระดับสากล ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลนาอูรูในการออกแบบ ดำเนินการ และประชาสัมพันธ์โครงการนี้ โดย ดร. Christian H. Kaelin ประธานของ Henley & Partners ได้กล่าวในที่ประชุม COP29 เกี่ยวกับข้อได้เปรียบเฉพาะตัวของการย้ายถิ่นฐานเพื่อการลงทุนว่า "โครงการเหล่านี้ไม่ได้ให้เพียงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังดึงดูดพลเมืองโลกที่มุ่งมั่นต่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สร้างเครือข่ายผู้สนับสนุนที่พร้อมลงทุนในอนาคตของภูมิภาคที่เปราะบางอีกด้วย"
ทั้งนี้ คาดว่าการประชุม Global Citizenship Conference ครั้งที่ 18 ในวันที่ 27–29 พฤศจิกายนนี้ที่ประเทศสิงคโปร์จะมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 400 คนจากกว่า 50 ประเทศ ขณะที่ ฯพณฯ Mohamed Nasheed เลขาธิการฟอรัมกลุ่มประเทศเปราะบางด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Vulnerable Forum) ซึ่งเป็นตัวแทนของ 70 ประเทศในกลุ่มเปราะบางด้านสภาพภูมิอากาศ จะร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในงานเพื่อเน้นย้ำถึงความรับผิดชอบทางจริยธรรมที่เกี่ยวข้อง: "ผู้ที่มีความมั่งคั่งและความคล่องตัวในการเดินทางทั่วโลกอยู่ในสถานะที่สามารถลงมือทำได้เพื่อสานต่อหน้าที่ปกป้องโลกสำหรับผู้คนรุ่นต่อไป แนวคิดเรื่อง 'ความยุติธรรมด้านภูมิอากาศ' สะท้อนถึงความรับผิดชอบเหล่านี้ เนื่องจากประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งส่วนใหญ่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุด กลับเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด"
เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการให้คำปรึกษาในด้านที่กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วนี้ Henley & Partners ได้แต่งตั้ง Jean Paul Fabri เป็นหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ Fabri มีประสบการณ์มากมายด้านการให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจและความพร้อมรับมือด้านสภาพภูมิอากาศ โดยเขากล่าวว่า "สำหรับบุคคลที่มีความมั่งคั่งแล้ว การลงทุนเพื่อสภาพภูมิอากาศไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ทางจริยธรรม แต่ยังนำเสนอโอกาสทางเศรษฐกิจที่สำคัญอีกด้วย เศรษฐกิจสีเขียวได้เปิดโอกาสการลงทุนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงสูง ตั้งแต่พลังงานหมุนเวียน เกษตรกรรมแบบยั่งยืน ไปจนถึงเทคโนโลยีสีเขียวที่ล้ำสมัย"
อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่นี่
แสดงความคิดเห็น