ปักกิ่ง, 17 พ.ย. 2567 /PRNewswire/ -- ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญเบื้องหลังการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าภูมิภาคนี้จะมีส่วนสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกถึงประมาณ 60% ในปี 2567

อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญความท้าทายหลายประการ ทั้งแนวโน้มด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น แนวคิดฝ่ายเดียวนิยม และการกีดกันทางการค้า ในการนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีนได้เรียกร้องให้ผู้นำประเทศสมาชิกความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค (APEC) ร่วมกันรับผิดชอบต่อสถานการณ์ดังกล่าว

ประธานาธิบดี Xi กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 31 ณ กรุงลิมา เมืองหลวงของเปรูว่า "พวกเราต้องร่วมมือกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวเพื่อรับมือกับปัญหาท้าทายต่าง ๆ ผลักดันวิสัยทัศน์ปุตราจายา ค.ศ. 2040 ให้เป็นจริง สร้างประชาคมเอเชียแปซิฟิกที่มีอนาคตร่วมกัน และเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการพัฒนาภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก" 

ข้อเสนอจากจีน

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีจีนได้ให้ข้อเสนอ 3 ข้อ เพื่อกระชับความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ประการแรก ประธานาธิบดี Xi เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างกรอบความร่วมมือเอเชียแปซิฟิกที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน โดยเรียกร้องให้ยึดมั่นในหลักพหุภาคีและระบบเศรษฐกิจแบบเปิด

จีนได้ทุ่มเทพยายามอย่างมากเพื่อสร้างเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกที่เปิดกว้าง โดยกระทรวงการต่างประเทศจีนเปิดเผยว่า จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสมาชิกเอเปค 13 เขตเศรษฐกิจ และได้ผลักดันการจัดตั้งเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนอย่างแข็งขัน ส่งเสริมการดำเนินการตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) อย่างมีคุณภาพ รวมทั้งยื่นขอเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจดิจิทัล

ประการที่สอง ประธานาธิบดี Xi เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้นวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นตัวเร่งการพัฒนาภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยกล่าวว่าสมาชิกเอเปคควรผลักดันการเปลี่ยนผ่านและพัฒนาด้านดิจิทัลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างประสานกัน เพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนและแรงผลักดันใหม่ ๆ ให้กับการพัฒนาในเอเชียแปซิฟิก

จีนกำลังพัฒนากำลังการผลิตคุณภาพใหม่โดยคำนึงถึงสภาพความเป็นจริง และเพิ่มความร่วมมือด้านนวัตกรรมสีเขียวกับฝ่ายที่สนใจ โดยประธานาธิบดี Xi ได้ประกาศเมื่อวันเสาร์ว่า จีนจะริเริ่มโครงการความร่วมมือระดับโลกด้านการไหลเวียนข้อมูลข้ามพรมแดน

จีนได้นำเสนอข้อริเริ่มเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสมาชิกเอเปคในด้านการเกษตรสีเขียว การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนผ่านพลังงานสีเขียวและคาร์บอนต่ำ รวมถึงการควบคุมและป้องกันมลพิษทางทะเล

ประธานาธิบดีจีนยังได้เรียกร้องให้ดำเนินการตามวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเอเชียแปซิฟิกที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายและครอบคลุม ซึ่งข้อมูลที่เปิดเผยโดยกระทรวงการต่างประเทศจีนแสดงให้เห็นว่า จีนมีส่วนสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ถึง 64.2% การเติบโตด้านการค้าสินค้าราว 37.6% และการเติบโตด้านการค้าบริการราว 44.6%

ประธานาธิบดี Xi ได้แจ้งต่อผู้นำเอเปคว่า จีนจะผลักดันข้อริเริ่มต่าง ๆ ผ่านเวทีเอเปค ในการเพิ่มรายได้ของประชาชนและส่งเสริมการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายและครอบคลุม

สิ่งที่จีนให้คำมั่น

ในวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Xi ประกาศว่าจีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในปี 2569 พร้อมกล่าวว่าจีนยินดีต้อนรับทุกฝ่ายให้ร่วมโดยสาร "รถไฟด่วน" เพื่อพัฒนาและเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจจีน

ประธานาธิบดีจีนยังย้ำถึงคำมั่นของจีนในการปฏิรูปและเปิดประเทศว่า "การปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นกระบวนการครั้งประวัติศาสตร์ที่จีนและโลกได้พัฒนาและก้าวหน้าไปด้วยกัน"

ในการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 เมื่อเดือนกรกฎาคมนั้น ได้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อยกระดับการปฏิรูปในทุกด้าน โดยได้เปิดเผยมาตรการปฏิรูปสำคัญกว่า 300 มาตรการ ครอบคลุมการสร้างระบบเศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยมที่มีมาตรฐานสูง ผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจคุณภาพสูง ส่งเสริมการเปิดกว้างอย่างมีมาตรฐาน ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างประเทศที่งดงาม

ประธานาธิบดี Xi ยังได้กล่าวในสุนทรพจน์ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ณ การประชุมสุดยอดซีอีโอกลุ่มเอเปคเมื่อวันศุกร์ว่า จีนจะออกนโยบายเพิ่มเติมเพื่อเปิดประเทศโดยสมัครใจและฝ่ายเดียว ขยายเครือข่ายเขตการค้าเสรีมาตรฐานสูงในระดับโลก และเปิดประตูสู่โลกให้กว้างยิ่งขึ้น

https://news.cgtn.com/news/2024-11-17/Starting-a-new-era-in-Asia-Pacific-development-amid-global-uncertainty-1yAvmNr7lYc/p.html