ฮ่องกง, 15 พ.ย. 2567 /PRNewswire/ -- งานวิจัยใหม่โดย Sun Life Asia เผยต้นทุนที่แฝงอยู่ของการใช้ชีวิตกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และผลกระทบทางการเงินและสุขภาพที่เกิดจากโรค โดยเน้นย้ำความจำเป็นเร่งด่วนของการให้ความรู้ การป้องกัน และการเข้าถึงการดูแล
การสำรวจของ Sun Life ชื่อว่า Healthy Habits, Healthier Futures: Preventing Diabetes in Asia (พฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ อนาคตที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น: การป้องกันโรคเบาหวานในเอเชีย) สัมภาษณ์คนจำนวน 3,647 คนในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม เกี่ยวกับความตระหนักรู้เรื่องปัจจัยเสี่ยงโรคเบาหวาน การรักษา และการป้องกัน การสำรวจดังกล่าวนี้ยังประกอบด้วย 600 คนที่ปัจจุบันใช้ชีวิตกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยมอบมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับชีวิตที่เป็นโรคนี้
การสำรวจนี้จัดทำหลังจากการเพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลายของผู้ป่วยโรคเบาหวานในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยขณะนี้มีกว่า 540 ล้านคนที่ใช้ชีวิตกับโรคนี้ในทั่วโลก1 และกว่า 90 ล้านในจำนวนนั้นอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคาดว่าจำนวนผู้ใหญ่ที่เป็นโรคเบาหวานจะเพิ่มเป็น 152 ล้านคนภายในปี 2588 จึงเป็นปัญหาความท้าทายทางสาธารณสุขที่รุนแรง2 ทั้งนี้ เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นเบาหวานชนิดที่พบได้มากที่สุด โดยเป็นสัดส่วนราว 90% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วโลก3
งานวิจัยเผยว่าแม้จะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่มีน้อยคนที่ดำเนินการอย่างจริงจังในการลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานหรือศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคนี้ และสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเฉพาะในแง่ของร่างกายเท่านั้น
ผลกระทบทางการเงินและสุขภาพจิตที่แฝงอยู่ของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
นอกจากต้นทุนทางร่างกายที่เกิดจากโรคเบาหวาน โรคนี้ยังมีต้นทุนทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้คนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่เหมาะสม หนึ่งในสาม (33%) ของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานรายงานว่าได้รับผลกระทบทางการเงินที่ 'รุนแรง' หรือ 'มีนัยสำคัญ' ต่อชีวิต โดย 82% ไม่สามารถจ่ายค่าการดูแลที่เหมาะสมได้อย่างสม่ำเสมอ
ความกังวลทางการเงินเกี่ยวกับโรคเบาหวานมีอยู่อย่างแพร่หลายยิ่งกว่าความกังวลด้านสุขภาพ โดย 67% ของผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวานรู้สึก 'กังวลมาก' หรือ 'กังวล' เกี่ยวกับภาระทางการเงินที่จะเกิดขึ้นโดยเป็นผลจากการตรวจพบโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ตอกย้ำความจำเป็นของการคุ้มครองโดยประกันสุขภาพ
งานวิจัยยังเผยผลกระทบต่อสุขภาพจิตที่แฝงอยู่ของโรคนี้ โดย 65% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานรายงานว่ามีผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิตภายหลังจากการตรวจพบ ประกอบกับผลกระทบทางสังคมที่ประสบที่บ้านและที่ทำงาน โดย 76% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานรายงานว่ารู้สึกถูกตัดสินโดยครอบครัวและเพื่อนหลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค และ 72% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานเผชิญกับการตัดสินหรืออคติที่เกี่ยวข้องกับการเป็นโรคในที่ทำงาน
คุณ David Broom ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าและการจำหน่ายของ Sun Life Asia กล่าวว่า "ภาระทางร่างกาย จิตใจ และการเงินของโรคเบาหวานอาจหนักหน่วงเกินรับไหว จำนวนที่สูงจนน่าตกใจของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ไม่สามารถจ่ายเพื่อรับการดูแลอย่างสม่ำเสมอบ่งชี้ความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องมีการเข้าถึงการรักษาที่รับได้ในทางการเงิน ในฐานะผู้รับประกัน เรามุ่งมั่นทุ่มเทที่จะมอบการเข้าถึงการดูแลทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถให้ความสำคัญกับสุขภาพโดยไม่ต้องห่วงกังวลเกี่ยวกับภาระทางการเงิน
1 ที่มา: สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation): https://idf.org/about-diabetes/diabetes-facts-figures/
2 ที่มา: สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ: https://diabetesatlas.org/#:~:text=South%2DEast%20Asia,living%20with%20diabetes%20are%20undiagnosed
3 ที่มา: สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ: https://idf.org/about-diabetes/type-2-diabetes/
น้อยคนที่ปฏิบัติมาตรการป้องกันโรค
ความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งเอเชีย แต่มีเพียง 42% ของผู้ตอบการสอบถามที่ไปตรวจคัดกรองโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นประจำทุกปี และ 37% ไม่เคยตรวจคัดกรอง ส่งผลเป็นการตรวจพบโรคที่ไม่คาดคิดและการเป็นโรคที่ควรจะป้องกันได้
มีเพียงส่วนน้อยมากที่ปฏิบัติมาตรการเพื่อป้องกันโรค อย่างเช่น บริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เฝ้าระวังน้ำหนักและน้ำตาลในเลือด และออกกำลังกายเป็นประจำ คนจำนวนหนึ่งในห้าไม่ดูแลให้ลูกบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และ 30% ไม่ส่งเสริมให้ลูกออกกำลังกาย
คนจำนวนมากประสบปัญหาในการทำความเข้าใจข้อมูลทางโภชนาการ โดย 30% พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะระบุปริมาณน้ำตาลและไขมันที่แฝงอยู่ในอาหารที่รับประทาน ขณะที่ 24% ประสบปัญหาในการทำความเข้าใจผลกระทบของอาหารที่แตกต่างกันต่อระดับน้ำตาลในเลือด
การออกกำลังกายเป็นประจำ การบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการตรวจคัดกรองแต่เนิ่น มีศักยภาพในการลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเพิ่มความตระหนักรู้ นับตั้งแต่ปี 2555 Sun Life ทุ่มเงินกว่า 55 ล้านดอลลาร์แคนาดาในการต่อสู้กับโรคเบาหวานในระดับโลกผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่สนับสนุนชุมชนที่เปราะบางที่สุด
ด้วยการร่วมมือในท้องถิ่นกับโรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ และมูลนิธิทั่วทั้งภูมิภาค Sun Life มอบการเข้าถึงการตรวจคัดกรองระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด การให้คำแนะนำและคำปรึกษาด้านโภชนาการ แผนการออกกำลังกาย แพ็คเกจการดูแลโรคเบาหวาน และโครงการให้ความรู้สำหรับเด็ก ๆ ในท้องถิ่น ซึ่งสามารถมอบพลังสนับสนุนให้คนเฝ้าระวังความเสี่ยงโรคเบาหวานของตนเอง
การเคลื่อนไหวร่างกายไม่เพียงพอเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน
การลดลงของกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกาย ประกอบกับการขาดแคลนพื้นที่ปลอดภัยสำหรับออกกำลังกาย เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานในทั่วทั้งเอเชีย ในแง่นี้ เกือบหนึ่งในสาม (31%) ของผู้ตอบการสอบถามรายงานว่าออกกำลังน้อยลงในช่วงห้าปีที่ผ่านมา โดยคนอายุน้อยเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มสูงกว่าที่จะรายงานว่ามีการลดลง ยิ่งไปกว่านั้น ในกลุ่มผู้ที่รายงานว่าไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ 46% ระบุว่าขาดการเข้าถึงพื้นที่ออกกำลังกายที่ปลอดภัยและมีคุณภาพในละแวกท้องถิ่น
การมีพื้นที่ออกกำลังกายที่เข้าถึงได้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้คนมีการเคลื่อนไหวร่างกาย มีสุขภาพที่ดี และมีส่วนร่วม ตั้งแต่ปี 2566 Sun Life ร่วมมือกับมูลนิธิสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคม Beyond Sport ในการดำเนินโครงการชุมชน Hoops + Health ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ทำกิจกรรมและใช้ชีวิตอย่างดีต่อสุขภาพด้วยกีฬาบาสเกตบอล ด้วยการยกระดับการเข้าถึงสนามและโค้ชสำหรับชุมชนทั่วเอเชีย จนถึงปัจจุบัน โครงการ Hoops + Health ได้ช่วยให้กว่า 14,000 คนในชุมชนด้อยโอกาสได้มีกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายและสนุกกับกีฬา
ความเชื่อที่ผิดแพร่หลาย ตอกย้ำความจำเป็นต้องมีการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขที่รุนแรงที่สุดในเอเชีย ถึงกระนั้นความเชื่อผิด ๆ ที่พบได้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคนี้ยังคงแพร่หลาย โดยเฉพาะในแง่ของปัจจัยเสี่ยง
คนเกือบหนึ่งในสาม (29%) เชื่อว่าโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดขึ้นกับเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ขณะที่ 57% เชื่อว่าโรคนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุเดียวคือการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป และ 50% คิดว่าการรักษาโรคเบาหวานต้องใช้การฉีดอินซูลินเสมอ
การสำรวจยังพบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานขาดความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นโรค โดย 29% รายงานว่าตนเองมีความเข้าใจที่แย่หรือแย่มากเกี่ยวกับโรคก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็น มากกว่าหนึ่งในสามของผู้ป่วยโรคเบาหวาน (37%) เชื่อว่าตัวเองมีความเสี่ยงต่ำหรือไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงเลยก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็น ขณะที่เพียง 4% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานเชื่อว่าตนมีความเสี่ยงสูง
ข้อค้นพบเหล่านี้บ่งชี้ว่าความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับความเสี่ยงและสาเหตุของโรคเบาหวานสามารถเป็นอุปสรรคที่ลดทอนการป้องกัน การตรวจพบแต่เนิ่น และการรักษา จึงจำเป็นต้องมีการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
คุณ Steven Ho ผู้ช่วยรองประธานและผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ กล่าวว่า "งานวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดการกับการขาดความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน รวมถึงปัจจัยเสี่ยงของโรคและความสำคัญของการตรวจพบแต่เนิ่นและการป้องกัน ด้วยการส่งเสริมความตระหนักรู้และขจัดความเชื่อผิด ๆ ที่พบได้ทั่วไป เราสามารถมอบพลังสนับสนุนให้คนตัดสินใจด้านสุขภาพอย่างมีข้อมูล ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการป้องกัน อย่างเช่นบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ออกกำลังกายเป็นประจำ และเฝ้าติดตามระดับน้ำตาลในเลือด สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และอาจถึงขั้นนำไปสู่การลดลงของอาการของโรคได้"
การขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2
แม้จะไม่มีทางรักษาให้หายขาด บุคลากรการแพทย์ชี้ว่าคนจำนวนมากสามารถย้อนกลับโรคเบาหวานภายในหนึ่งปีหลังจากการตรวจพบ ด้วยการเปลี่ยนวิถีชีวิตในเชิงบวก อย่างเช่นเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นและออกกำลังกายมากขึ้น การเปลี่ยนวิถีชีวิตเช่นนี้สามารถรักษาระดับน้ำตาลกลูโคสให้เป็นปกติได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้อินซูลิน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังขาดความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะย้อนกลับโรคเบาหวาน มีเพียงครึ่งหนึ่งของคนทั่วไปที่เชื่อว่าโรคเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถจัดการได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา
ผู้ป่วยโรคเบาหวานน้อยคนที่พยายามอย่างแข็งขันในการย้อนกลับโรค โดยขณะที่ 92% เชื่อว่าการมีอาการของโรคลดลงเป็นไปได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าสามารถทำได้ภายในหนึ่งปี แม้ว่าบุคลากรการแพทย์จำนวนมากจะแนะนำว่าเป็นไปได้ก็ตาม
การมอบพลังสนับสนุนให้คนจัดการกับโรคได้อย่างมีประสิทธิผลจำเป็นต้องมีการเข้าถึงบริการสุขภาพและการให้คำแนะนำทางการแพทย์ การให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีจัดการที่เป็นข้อมูลล่าสุด การสนับสนุนทางพฤติกรรมสำหรับการเปลี่ยนวิถีชีวิต และตัวเลือกอาหารและการออกกำลังที่เข้าถึงได้และมีราคาที่จ่ายไหว
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ
ข้อค้นพบในการสำรวจนี้วิเคราะห์และสรุปผ่านการสัมภาษณ์คนจำนวน 3,647 คนทางออนไลน์ในเดือนตุลาคม ปี 2567 ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นจำนวนมากกว่า 100 คนในแต่ละตลาด
เข้าถึงบทสรุปผู้บริหารได้ที่นี่
เกี่ยวกับ Sun Life
Sun Life เป็นองค์กรชั้นนำผู้ให้บริการทางการเงินระดับสากล ซึ่งมอบโซลูชันการจัดการสินทรัพย์ ความมั่งคั่ง การประกัน และสุขภาพแก่ลูกค้าบุคคลและสถาบัน Sun Life มีการดำเนินงานในตลาดหลายแห่งทั่วโลก ทั้งแคนาดา สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย จีน ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย และเบอร์มิวดา
ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 Sun Life มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวม 1.5 ล้านล้านดอลลาร์แคนาดา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sunlife.com
Sun Life Financial Inc. จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต (TSX) ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) และตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ (PSE) ภายใต้สัญลักษณ์ SLF
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ: จำนวนทั้งหมดเป็นสกุลเงินดอลลาร์แคนาดา
ติดต่อฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์:
Iris Ng
ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีลูกค้าของ Sandpiper
โทร: +85298383501
อีเมล: Iris.ng@sandpipercomms.com
Becky Marshall
ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสาร Sun Life Asia
โทร: +8526170312
อีเมล: Becky.marshall@sunlife.com
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/2557486/Sun_Life_Asia_Sun_Life_Survey_Reveals_Hidden_Financial_and_Menta.jpg?p=medium600
แสดงความคิดเห็น